เลขที่ใบอนุญาตประกอบกิจการสถานพยาบาล 10202000368

ข้อควรรู้ก่อนตัดสินใจ “ศัลยกรรมเสริมหน้าอก” เสริมความมั่นใจ...ในแบบที่เป็นคุณ

ศัลยกรรมเสริมหน้าอก เพื่อเพิ่มความมั่นใจและปรับรูปร่างทรวงอกให้สมส่วนที่ The Art Hospital

การศัลยกรรมเสริมหน้าอกไม่ใช่แค่เรื่องของการเพิ่มขนาดหน้าอก หรือเรื่องของรูปลักษณ์ภายนอกเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวข้องกับความมั่นใจ ความรู้สึกดีกับตัวเอง และไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น โดยปัจจุบันการศัลยกรรมเสริมหน้าอกถือว่าได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง 

โดยเฉพาะในกลุ่มผู้หญิงยุคใหม่ที่ต้องการปรับรูปร่างให้ดูดีเหมาะสมกับตัวเอง ​แต่การตัดสินใจเข้ารับการผ่าตัดศัลยกรรมเสริมหน้าอกนี้ก็ควรพิจารณาอย่างรอบคอบ และปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินความเหมาะสมและการดูแลจากแพทย์จนปลอดภัยดิอาทจึงจะพาทุกคนมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับการศัลยกรรมเสริมหน้าอกให้มากขึ้นก่อนตัดสินใจทำ

Key Takeaways :
  • การศัลยกรรมเสริมหน้าอกเป็นหัตถการที่ช่วยปรับขนาดและรูปทรงหน้าอกให้เหมาะสมกับสรีระแต่ละบุคคล พร้อมช่วยเสริมบุคลิกและความมั่นใจได้
  • ศัลยกรรมเสริมหน้าอกในปัจจุบันมีด้วยกัน 3 ประเภท ได้แก่ ประเภทที่ 1 ศัลยกรรมเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคน ประเภทที่ 2 ศัลยกรรมเสริมหน้าอก ด้วยไขมันตัวเอง ประเภทที่ 3 ศัลยกรรมเสริมหน้าอกแบบ Hybrid (ผสานระหว่างการใช้ซิลิโคนและการเติมไขมัน)
  • เทคนิคการวางซิลิโคนศัลยกรรมเสริมหน้าอกมีหลายทางเลือก เช่น ใต้กล้ามเนื้อ เหนือกล้ามเนื้อ หรือแบบ Dual Plane
Key Topics

ศัลยกรรมเสริมหน้าอก คืออะไร ? ทำความเข้าใจก่อนทำ

ศัลยกรรมเสริมหน้าอกคืออะไร เพื่อเสริมความมั่นใจในแบบที่เป็นคุณ ที่ The Art Hospital

ศัลยกรรมเสริมหน้าอก (Breast Augmentation) คือ การเพิ่มขนาดหรือปรับรูปทรงของหน้าอกให้ดูสวยแลดูเป็นธรรมชาติตรงกับความต้องการของผู้เข้ารับบริการ โดยการใช้ซิลิโคนศัลยกรรมเสริมหน้าอก หรือการเติมไขมันตัวเอง เข้าไปใต้เนื้อเยื่อหน้าอกหรือกล้ามเนื้อหน้าอก เพื่อให้หน้าอกมีรูปทรงที่ได้สัดส่วนเหมาะสมกับรูปร่างของแต่ละบุคคล

ทั้งนี้ การศัลยกรรมเสริมหน้าอกไม่ใช่แค่เพื่อเพิ่มขนาดหน้าอกให้สมส่วนกับรูปร่างตัวเองเท่านั้น แต่จุดประสงค์ของการศัลยกรรมเสริมหน้าอกของแต่ละบุคคลอาจแตกต่างกัน เช่น เพื่อเสริมสร้างความมั่นใจในรูปลักษณ์ของตัวเองมากขึ้น เพื่อแก้ปัญหาหน้าอกสองข้างไม่เท่ากัน หรือเติมเต็มหน้าอกหย่อนคล้อยหลังคลอดหรือหลังให้นมบุตร

ศัลยกรรมเสริมหน้าอก เหมาะกับใครบ้าง ?

สำหรับการศัลยกรรมเสริมหน้าอกนอกจากจะช่วยเพิ่มขนาดแล้ว การศัลยกรรมเสริมหน้าอกยังช่วยแก้ปัญหาอื่น ๆ ซึ่งเหมาะกับผู้ที่ขาดความมั่นใจในรูปร่าง และผู้ที่ต้องการแก้ไขปัญหาเหล่านี้

  • ผู้ที่มีปัญหาหน้าอกเล็กหรือแบนเกินไป
  • ผู้ที่มีปัญหาหน้าอกสองข้างไม่เท่ากัน หรือไม่สมส่วน
  • ผู้ที่มีปัญหาหน้าอกหย่อนคล้อยจากการลดน้ำหนัก หรือหลังการตั้งครรภ์
  • ผู้ที่ต้องการเพิ่มขนาดหน้าอกให้ใหญ่ขึ้น เพื่อเสริมบุคลิกที่ดูดี และให้รูปร่างแลดูมีมิติชัดเจน
  • ผู้ที่มีประวัติการผ่าตัดรักษาโรคมะเร็งเต้านม
  • ศัลยกรรมเสริมหน้าอก

ประเภทของการศัลยกรรมเสริมหน้าอก

ปัจจุบันการศัลยกรรมเสริมหน้าอกมีด้วยกัน 3 ประเภท ซึ่งจะแบ่งตามรูปแบบของวัสดุที่ใช้ในการผ่าตัด โดยแต่ละประเภทก็จะแตกต่างกันออกไป ดังนี้

ศัลยกรรมเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคน (Silicone Breast Implants)

เป็นเทคนิคที่นิยมมากที่สุดในปัจจุบัน โดยเทคนิคนี้จะใช้ซิลิโคนเป็นวัสดุเสริม ซึ่งจะสามารถเพิ่มขนาดหน้าอกได้ตามต้องการและปรับรูปทรงได้ละเอียด มีข้อดีที่ให้ความรู้สึกและรูปทรงที่ใกล้เคียงกับหน้าอกธรรมชาติ เห็นการเปลี่ยนแปลงชัดเจน รวมทั้งซิลิโคนยังมีความคงทนและอายุการใช้งานนาน​

ศัลยกรรมเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคน (Silicone Breast Implants)

เติมไขมันหน้าอก เป็นเทคนิคที่จะนำไขมันจากส่วนอื่นของร่างกายมาฉีดเข้าในเต้านม เพื่อปรับรูปทรงและเพิ่มขนาดหน้าอก เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเพิ่มขนาดเล็กน้อย และมีข้อจำกัดในส่วนของไขมันที่ฉีดไปอาจถูกดูดซึมกลับไปบางส่วน ทำให้ยากในการคาดเดาของผลลัพธ์สุดท้าย และขนาดอาจไม่ใหญ่เท่าการใช้ซิลิโคน

ศัลยกรรมเสริมหน้าอกแบบ Hybrid

เป็นเทคนิคที่ผสมผสานระหว่างการใช้ซิลิโคนและไขมันตัวเองมารวมกัน โดยใส่ซิลิโคนเข้าไปก่อน แล้วฉีดไขมันรอบซิลิโคน เพื่อเติมเต็มส่วนที่ยังไม่สมบูรณ์ และช่วยให้ผิวหน้าอกดูสม่ำเสมอแลดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น แต่เทคนิคนี้จะมีความซับซ้อนและใช้ระยะเวลาผ่าตัดนานกว่า

ปัจจุบันการศัลยกรรมเสริมหน้าอกมีด้วยกัน 3 ประเภท ซึ่งจะแบ่งตามรูปแบบของวัสดุที่ใช้ในการผ่าตัด โดยแต่ละประเภทก็จะแตกต่างกันออกไป ดังนี้

ประเภทของซิลิโคนที่ใช้สำหรับศัลยกรรมเสริมหน้าอก มีอะไรบ้าง ?

การศัลยกรรมเสริมหน้าอกไม่ใช่แค่เรื่องของการเพิ่มขนาดหน้าอก แต่ยังเกี่ยวข้องกับประเภทของซิลิโคนที่ใช้สำหรับเสริมศัลยกรรมหน้าอก ซึ่งจะส่งผลต่อสัมผัส รูปทรง และความพึงพอใจในระยะยาว เพื่อให้ตอบโจทย์กับไลฟ์สไตล์และรูปร่างอย่างเหมาะสมของแต่ละบุคคล ซึ่งแต่ละประเภทมีความแตกต่างกัน ดังนี้

ซิลิโคนเจลเหลว (Liquid Silicone Gel)

ซิลิโคนประเภทนี้มีลักษณะเป็นเนื้อเจลเหลว มีความนิ่ม และสามารถเคลื่อนไหวได้ดีตามแรงโน้มถ่วง ทำให้ทรงหน้าอกแลดูละมุนและใกล้เคียงกับหน้าอกธรรมชาติ แต่การผ่าตัดอาจมีความซับซ้อนมาก

ซิลิโคนเจลเข้มข้น (Cohesive Silicone Gel)

คุณสมบัติของเจลประเภทนี้จะมีความหนืดและยืดหยุ่นสูง จึงคงรูปทรงได้ดี แม้เกิดแรงกดหรือบีบ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่แลดูเป็นธรรมชาติและคงตัว

ซิลิโคนน้ำเกลือ (Saline Implants)

เป็นประเภทซิลิโคนที่ภายในบรรจุน้ำเกลือทางการแพทย์ (Saline) ซึ่งจะถูกเติมเข้าไปหลังจากใส่ถุงซิลิโคนเข้าในร่างกาย ข้อดีคือหากเกิดรอยรั่วน้ำเกลือสามารถดูดซึมและขับออกจากร่างกายได้ตามธรรมชาติ แต่การสัมผัสและรูปทรงอาจให้ความรู้สึกต่างจากซิลิโคนเจล

ซิลิโคนแบบโครงสร้าง (Structured Saline Implants)

เป็นซิลิโคนแบบน้ำเกลือ แต่ภายในมีโครงสร้างหลายชั้นเพื่อช่วยพยุงรูปทรงหน้าอก ละช่วยให้สัมผัสโดยรวมใกล้เคียงกับซิลิโคนเจลมากขึ้น ทำให้รูปทรงหน้าอกแลดูเป็นธรรมชาติ

เทคนิคการเปิดแผลผ่าตัดศัลยกรรมเสริมหน้าอก มีจุดไหนบ้าง ?

การผ่าตัดศัลยกรรมเสริมหน้าอกมีตำแหน่งการเปิดแผลบนผิวหนังที่หลากหลาย ซึ่งการเปิดแผลจะพิจารณาตามความเหมาะสมกับสรีระและความต้องการแต่ละบุคคล รวมทั้งตามการประเมินของแพทย์ โดยตำแหน่งการเปิดแผลจะมีด้วยกัน ดังนี้

ตำแหน่งเปิดแผลศัลยกรรมเสริมหน้าอก ทั้งแผลรักแร้ รอบปานนม และใต้ราวนม โดย The Art Hospital

เปิดแผลใต้ราวนม (Inframammary Incision)

เป็นการเปิดแผลที่รอยพับใต้เต้านม ทำให้รอยแผลซ่อนอยู่ในร่องใต้ฐานราวนม ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ทำให้ไม่มองเห็นง่าย และทำให้การวางซิลิโคนสะดวก ลดโอกาสในการเกิดพังผืด (capsular contracture) แต่ในบางกรณีอาจเกิดรอยแผลเป็น​ และมีข้อจำกัดที่อาจไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีขนาดเต้านมน้อย อีกทั้งยังเป็นตำแหน่งที่ใช้ในกรณีผ่าตัดแก้ไขหรือเปลี่ยนซิลิโคนด้วย

เปิดแผลรอบปานนม (Periareolar Incision)

ทำการผ่าตัดเปิดแผลรอบ ๆ บริเวณปานนม ซึ่งรอยแผลจะสามารถซ่อนอยู่ในบริเวณปานนมได้และแผลมีขนาดเล็ก แต่บางกรณีอาจทำให้เกิดปัญหาทางด้านความรู้สึกของหัวนม​ (nipple sensitivity)

เปิดแผลใต้รักแร้ (Transaxillary Incision)

จะทำการเปิดแผลที่บริเวณรักแร้ โดยใช้ท่อหรือกล้องช่วย ทำให้ไม่เห็นรอยแผลที่บริเวณหน้าอก สามารถซ่อนรอยแผลได้ แต่ต้องอาศัยทักษะของแพทย์ในการผ่าตัด​ และอาจวางตำแหน่งซิลิโคนได้ไม่แม่นยำเท่าการเปิดแผลแบบอื่น ๆ

เทคนิคตำแหน่งการวางซิลิโคนศัลยกรรมเสริมหน้าอก

ตำแหน่งการวางซิลิโคนศัลยกรรมเสริมหน้าอกสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ตำแหน่งหลัก ดังนี้

เทคนิคการวางซิลิโคนในการเสริมหน้าอก ทั้งเหนือกล้ามเนื้อ ใต้กล้ามเนื้อ และกึ่งใต้กล้ามเนื้อที่ The Art Hospital

เหนือกล้ามเนื้อ (Subglandular)

เป็นการวางซิลิโคนเหนือกล้ามเนื้อหน้าอก ใต้ต่อมน้ำนม เหมาะสำหรับผู้ที่มีเนื้อเยื่อหน้าอกพอสมควร ได้ผลลัพธ์รูปทรงที่ชัดเจน และพักฟื้นน้อยกว่าเทคนิคใต้กล้ามเนื้อ แต่อาจมีความเสี่ยงในการมองเห็นขอบซิลิโคนและเสี่ยงต่อการเกิดพังผืดได้ง่าย

ใต้กล้ามเนื้อ (Sub Muscular)

ซิลิโคนจะถูกวางใต้ชั้นกล้ามเนื้อหน้าอกทั้งหมด (pectoralis major) ซึ่งการวางในตำแหน่งนี้จะทำให้รูปร่างหน้าอกหลังทำแลดูเป็นธรรมชาติ เพราะมีชั้นกล้ามเนื้อช่วยปกปิดซิลิโคน และช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดพังผืด เหมาะสำหรับผู้ที่มีเนื้อเยื่อหน้าอกน้อย แต่อาจทำให้พักฟื้นนาน และอาจมีอาการปวดในระยะเริ่มต้น​ รวมทั้งการยกแขน การออกกำลังกาย หรือการทำกิจกรรมที่ใช้กล้ามเนื้อหน้าอกอาจลำบากในช่วงแรก

กึ่งใต้กล้ามเนื้อ (Dual-plane)

ซิลิโคนจะวางในตำแหน่งที่ผสมผสานระหว่างใต้และเหนือกล้ามเนื้อหน้าอก โดยเทคนิค Dual Plane นี้จะนำข้อดีของทั้งสองตำแหน่งมาผสานเข้าด้วยกัน ทำให้ได้รูปทรงหน้าอกที่แลดูเป็นธรรมชาติและเข้ากับเนื้อเยื่อรอบข้างได้ดีมากขึ้น พร้อมลดความเสี่ยงในการมองเห็นขอบซิลิโคน แต่จะมีขั้นตอนที่ซับซ้อนและต้องอาศัยทักษะจากศัลยแพทย์​ และอาจจะต้องใช้เวลาพักฟื้นนานขึ้น

ขนาดและทรงซิลิโคนศัลยกรรมเสริมหน้าอก แบบไหนเหมาะกับเรา ?

ขนาดของซิลิโคนมีผลต่อความเปลี่ยนแปลงของคัพหน้าอกที่เห็นได้หลังการศัลยกรรมเสริมหน้าอก ทั้งนี้ยังขึ้นอยู่กับสรีระเดิมและความยืดหยุ่นของผิวหนังด้วย โดยการเพิ่มขนาดหน้าอกที่แนะนำมีดังนี้

ซิลิโคนหน้าอกขนาด 200 ซีซี

ช่วยเพิ่มขนาดประมาณ 1 คัพ จากหน้าอกคัพ A เป็นคัพ B เหมาะสำหรับผู้ที่มีหน้าอกเล็กและต้องการเพิ่มขนาดหน้าอกให้แลดูเป็นธรรมชาติ หรือไม่ต้องการให้หน้าอกใหญ่จนเกินไป

ซิลิโคนหน้าอกขนาด 250 ซีซี

จะช่วยเพิ่มจากหน้าอกคัพ A เป็นคัพ B ซึ่งจะเป็นขนาดที่กำลังพอดีเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเพิ่มทรงหน้าอกให้แลดูอวบอิ่มขึ้นโดยยังคงความพอดีเหมาะกับรูปร่าง

ซิลิโคนหน้าอกขนาด 300 ซีซี

เป็นขนาดยอดนิยมที่มักให้ผลลัพธ์เห็นความเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน จากหน้าอกคัพ A อาจเป็นคัพ C โดยหน้าอกจะแลดูเต็มกระชับ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการศัลยกรรมเสริมหน้าอกให้ได้สัดส่วนกับรูปร่างมากขึ้

ซิลิโคนหน้าอกขนาด 350 ซีซี

ช่วยให้รูปทรงและขนาดที่แลดูสมดุล จากคัพ A อาจเป็นคัพ C เหมาะสำหรับผู้ที่มีหน้าอกเล็กและต้องการเพิ่มขนาด เพื่อช่วยให้เนินอกแลดูชัดขึ้นเมื่อใส่เสื้อผ้า

ซิลิโคนหน้าอกขนาด 400 ซีซี

อาจจะช่วยเพิ่มได้มากถึง 3 คัพ หรือจากคัพ A อาจเป็นคัพ D เหมาะสำหรับผู้ที่มีเนื้อหน้าอกเยอะ หรือผู้ที่ต้องการเพิ่มขนาดหน้าอกให้ใหญ่มาก ๆ แต่อาจไม่เหมาะกับผู้ที่มีรูปร่างเล็ก เพราะจะทำให้ดูไม่สมดุลกับสัดส่วนของร่างกาย

ซิลิโคนหน้าอกขนาด 500 ซีซี

เป็นขนาดหน้าอกที่เหมาะกับผู้ที่ต้องการศัลยกรรมเสริมหน้าอกให้มีขนาดใหญ่มาก เน้นความอวบอิ่มและร่องอกชัด แต่อาจเป็นขนาดใหญ่เกินไปสำหรับคนไทย และต้องได้รับการประเมินร่างกายอย่างละเอียดว่า เหมาะสมสำหรับการศัลยกรรมเสริมหน้าอกขนาดใหญ่เท่านี้หรือไม่

ทั้งนี้ การเลือกขนาดซิลิโคนเสริมอกควรคำนึงถึงความสมดุลกับรูปร่าง เพื่อให้การเสริมหน้าอกออกมาแลดูสวยและดูเหมาะกับตัวเองที่สุด

สอบถามเพิ่มเติม
The Art เราพร้อมดูแลลูกค้าทุกท่าน

ซิลิโคนศัลยกรรมเสริมหน้าอก มีอะไรบ้าง ?

ปัจจุบันมีซิลิโคนศัลยกรรมเสริมหน้าอกที่ใช้หลายแบบ ซึ่งมีจุดเด่นที่แตกต่างกันและเหมาะกับความต้องการของแต่ละบุคคล เช่น

โปรแกรมเสริมหน้าอก Mentor

มีจุดเด่นในเรื่องของความนุ่มนวลและเนื้อสัมผัสที่แลดูเป็นธรรมชาติ

    โปรแกรมเสริมหน้าอก Mentor MemoryGel :

    มีลักษณะเป็นทรงกลม เจลซิลิโคนให้ความนุ่มในระดับกลาง คงตัวดี ไม่ไหล ช่วยเพิ่มวอลลุ่มหน้าอก เหมาะกับผู้ที่ต้องการให้หน้าอกแลดูเต็ม อวบอิ่ม และแลดูเป็นธรรมชาติ

    โปรแกรมเสริมหน้าอก Mentor MemoryGel Xtra :

    ซิลิโคนมีความยืดหยุ่นสูง เนื้อเจลแน่นแต่ยังมีความนุ่ม ช่วยเพิ่มวอลลุ่มหน้าอกมากขึ้น เหมาะกับคนเนื้อน้อย และผู้ที่มีปัญหาหน้าอกหย่อนคล้อย

ซิลิโคนหน้าอก โปรแกรม Motiva

ซิลิโคน โปรแกรม Motiva เป็นแบรนด์ซิลิโคนที่มีฐานการผลิตในสหรัฐอเมริกา และได้รับความนิยมมากเพราะมีคุณสมบัติที่โดดเด่นในเรื่องของความยืดหยุ่นสูง และแลดูเป็นธรรมชาติมากขึ้นตามสรีระของแต่ละบุคคล

    โปรแกรมเสริมหน้าอก Motiva Silk Surface :

    ผิวสัมผัสมีความนุ่ม เจลซิลิโคนเต็ม ช่วยเพิ่มวอลลุ่มหน้าอก ทรงชัดและเนินอกอิ่มฟู รวมทั้งช่วยลดการเกิดริ้วหรือขอบซิลิโคน

    โปรแกรมเสริมหน้าอก Motiva Ergonomix :

    ลักษณะเป็นทรงกลมกึ่งหยดน้ำ เนื้อนิ่มและยืดหยุ่น เหมาะกับคนเนื้อน้อย <span

    โปรแกรมเสริมหน้าอก Motiva Joy :

    เนื้อเจลเต็ม มีความยืดหยุ่นสูง และเนื้อสัมผัสนุ่มมีความใกล้เคียงกับหน้าอกจริง ทำให้ทุกการเคลื่อนไหวตัวแลดูเป็นธรรมชาติ
ซิลิโคน เสริมหน้าอก
ซิลิโคน เสริมหน้าอก
ซิลิโคน เสริมหน้าอก

โปรแกรมเสริมหน้าอก Perle

เป็นซิลิโคนเจลที่มีความยืดหยุ่นสูง ให้สัมผัสนุ่มรู้สึกแลดูเป็นธรรมชาติ คงรูปหน้าอกได้ดี รองรับทุกการเคลื่อนไหวได้อย่างมั่นใจ และช่วยลดโอกาสการเกิดพังผืดด้วย

โปรแกรมเสริมหน้าอก Arion

โดยซิลิโคนจะมีความยืดหยุ่นสูง คืนตัวได้ดี ช่วยให้หน้าอกแลดูเป็นธรรมชาติเหมาะกับผู้ที่มีปัญหาเนื้อหน้าอกน้อย ช่วยเติมเต็มทรวงอกให้แลดูสมส่วนเหมาะกับรูปร่าง โดยไม่ดูใหญ่จนเกินไป

ซิลิโคน เสริมหน้าอก
ซิลิโคน เสริมหน้าอก

ข้อควรรู้ก่อนตัดสินใจศัลยกรรมเสริมหน้าอก

ก่อนจะเข้าสู่กระบวนการศัลยกรรมเสริมหน้าอก มีหลายเรื่องที่ควรรู้เพื่อผลลัพธ์ที่ดี ได้แก่

เลือกสถานพยาบาลและศัลยแพทย์ให้ดี

ควรเลือกสถานพยาบาลที่ได้รับใบอนุญาตจากกระทรวงสาธารณสุข และมีศัลยแพทย์ตกแต่งเฉพาะทาง สามารถตรวจสอบชื่อแพทย์ได้จากเว็บไซต์ของแพทยสภา

สำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัวบางประเภท เช่น โรคหัวใจ เบาหวาน ความดันสูง หรือมีภาวะเลือดแข็งตัวยาก ควรแจ้งแพทย์ล่วงหน้าก่อนทำการผ่าตัด
ไม่ควรเลือกจากความต้องการเพียงอย่างเดียว แต่ต้องดูโครงสร้างร่างกาย ความยืดหยุ่นของผิว และคำแนะนำของแพทย์ร่วมด้วย

แม้ว่าซิลิโคนจะทนทานและสามารถใช้งานได้ยาวนาน แต่โดยทั่วไปแนะนำให้ตรวจเช็กเป็นระยะ และอาจต้องเปลี่ยนหากเกิดปัญหาขึ้นในภายหลัง

การเตรียมตัวก่อนศัลยกรรมเสริมหน้าอก เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่เหมาะสมที่ The Art Hospital

การเตรียมตัวก่อนผ่าตัด ศัลยกรรมเสริมหน้าอก

การเตรียมร่างกายให้พร้อมก่อนเข้ารับการผ่าตัดศัลยกรรมเป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญ เพื่อให้การผ่าตัดเป็นไปอย่างราบรื่น และเพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาดี เหมาะสมกับแต่ละบุคคล โดยมีข้อควรปฏิบัติก่อนการผ่าตัดศัลยกรรมเสริมหน้าอกแบบดมยาสลบ ดังนี้

  • แจ้งข้อมูลส่วนตัว ประวัติโรคส่วนตัว ยาโรคประจําตัว การรักษาทางการแพทย์ และประวัติการแพ้ยาให้แพทย์ทราบก่อนทำการผ่าตัด
  • หยุดยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น ยาแอสไพริน, Plavix, ยาคุมและวิตามิน หรืออาหารเสริมต่าง ๆ อย่างน้อย 7-14 วัน ก่อนการผ่าตัด
  • ตรวจเลือดก่อนการผ่าตัด
  • ต้องงดอาหารและเครื่องดื่ม อย่างน้อย 8 ชั่วโมง ก่อนการผ่าตัด
  • ถอดเล็บเจล ล้างเล็บ ถอดคอนแทคเลนส์ ถอดฟันปลอมหรือรีเทนเนอร์ รวมทั้งเครื่องประดับและงดแต่งหน้ามาในวันผ่าตัด
  • งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ อย่างน้อย 2-4 สัปดาห์ ก่อนการผ่าตัด
  • นอนพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อเตรียมร่างกายให้พร้อมสำหรับการผ่าตัด
  • แนะนำให้พาคนดูแลมาด้วยในวันผ่าตัด เนื่องจากหลังผ่าตัดอาจมีอาการมึนยาสลบ

การดูแลตัวเองหลังศัลยกรรมเสริมหน้าอก

วิธีการดูแลตัวเองหลังศัลยกรรมเสริมหน้าอก เพื่อการฟื้นตัวที่ปลอดภัยและได้ผลลัพธ์ที่ดีที่ The Art Hospital

การดูแลตัวเองหลังศัลยกรรมเสริมหน้าอกถือเป็นอีกหนึ่งขั้นตอนสำคัญ เพราะจะช่วยให้ หน้าอกเข้าทรงสวย และลดโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนได้ โดยมีแนวทางปฏิบัติดังนี้

  • พยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้แผลโดนน้ำ 7 วัน หรือจนกว่าจะตัดไหม
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสบริเวณหน้าอกแรง ๆ ใน ช่วง 2-3 เดือนแรก
  • ควรงดผลิตภัณฑ์อาหารเสริม เช่น Vitamin, Collagen อย่างน้อย 1 เดือน
  • ควรมาพบแพทย์ตามนัดหมายทุกครั้ง
  • งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ งดสูบบุหรี่ และงดอาหารหมักดอง อย่างน้อย 4 สัปดาห์
  • งดการยกของหนัก หรือออกกำลังกายหนัก ในช่วง 1-3 เดือน
  • งดการนอนตะแคงและนอนคว่ำ เป็นเวลา 1 เดือน
  • ปฏิบัติตามคําแนะนําของแพทย์และทานยาให้ครบตามที่แนะนําอย่างเคร่งครัด
  • ใส่ Support Bra อย่างน้อย 3-6 เดือน และใส่สลับกับ Sport Bra ได้ช่วงกลางคืนหลัง 3 เดือน

อาการแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นหลังศัลยกรรมเสริมหน้าอก

การศัลยกรรมเสริมหน้าอกอาจเกิดผลข้างเคียงหรืออาการแทรกซ้อนได้เหมือนกับการผ่าตัดหัตถการอื่น ๆ ซึ่งการทำความเข้าใจเกี่ยวกับอาการแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นเมื่อศัลยกรรมเสริมหน้าอก จะช่วยให้สามารถเตรียมตัวรับมือได้อย่างเหมาะสมหากมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น

  • บวม ช้ำ หรือปวด เป็นอาการปกติหลังการผ่าตัดศัลยกรรมเสริมหน้าอก ซึ่งมักจะดีขึ้นใน 1-2 สัปดาห์
  • มีเลือดออกใต้แผลผ่าตัด อาจเกิดจากการขยับร่างกายมากเกินไปในช่วงพักฟื้น
  • อาจเกิดพังผืดรอบซิลิโคน แล้วทำให้เกิดการหดรัดจนทำให้เต้านมแข็งผิดรูปหรือเจ็บเมื่อสัมผัส
  • ซิลิโคนเคลื่อนที่ผิดตำแหน่ง อาจเกิดจากการใช้กล้ามเนื้อบริเวณหน้าอกเร็วเกินไปหลังผ่าตัด
  • ติดเชื้อบริเวณแผลผ่าตัด ซึ่งอาจพบได้น้อย แต่หากมีไข้ บริเวณมีรอยแดงมาก หรือปวดมาก ควรรีบปรึกษาแพทย์ทันที
  • อาจเกิดอาการชาหรือรู้สึกเจ็บแปลบบริเวณหัวนมหรือเต้านม ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้ชั่วคราวหรือถาวร

ศัลยกรรมเสริมหน้าอก ราคาเท่าไหร่ ?

ราคาศัลยกรรมเสริมหน้าอก เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่หลายคนให้ความสำคัญ โดยราคาก็จะแตกต่างกันออกไปในแต่ละสถานพยาบาล ซึ่งจะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยด้วยกัน เช่น ชนิดของซิลิโคน, ขนาดของซิลิโคนศัลยกรรมเสริมหน้าอก, เทคนิคที่ใช้ในการผ่าตัด, ชื่อเสียงของสถานพยาบาล และโปรโมชั่นของแต่ละสถานพยาบาล ซึ่งราคาโปรโมชั่นก็อาจจะแตกต่างกันไปตามแต่ละช่วงเวลาที่กำหนดด้วย ทั้งนี้ ก่อนการตัดสินใจทำศัลยกรรมเสริมหน้าอก ควรเข้ารับการปรึกษากับแพทย์ และตรวจสอบราคา หรือโปรโมชั่นของสถานพยาบาลนั้น ๆ

ศัลยกรรมเสริมหน้าอกที่ไหนดี ?

การตัดสินใจศัลยกรรมเสริมหน้าอกไม่ใช่เรื่องเล็ก เพราะเป็นการผ่าตัดที่มีผลต่อรูปลักษณ์และความมั่นใจในระยะยาว ดังนั้น การเลือกสถานที่ในการศัลยกรรมเสริมหน้าอกจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม โดยมีปัจจัยที่ต้องพิจารณาดังนี้

ศัลยกรรมเสริมหน้าอกที่ไหนดี ? ทำไมหลายคนเลือก The Art

สำหรับผู้ที่มีความกังวลเกี่ยวกับรูปทรงหน้าอก ไม่ว่าจะเป็นขนาดที่เล็กกว่าที่ต้องการ หน้าอกหย่อนคล้อย หน้าอกห่าง หรือทั้งสองข้างไม่เท่ากัน แล้วไม่รู้ว่าควรเลือกศัลยกรรมเสริมหน้าอกที่ไหนดี ที่ The Art พร้อมดูแลและให้คำปรึกษา โดยทีมแพทย์เฉพาะทาง ซึ่งก่อนเข้ารับการผ่าตัดแพทย์จะทำการประเมินโครงสร้างและลักษณะหน้าอกของแต่ละบุคคล พร้อมให้ข้อมูลที่ถูกต้องและเหมาะสม ทั้งเรื่องของขนาด รูปทรงที่เหมาะกับสรีระ รวมทั้งแนะนำการเตรียมตัวก่อนและการดูแลหลังการผ่าตัด เพื่อช่วยให้ผลลัพธ์ที่ได้เป็นไปตามที่คาดหวัง

อีกทั้งที่ดิอาทของเรายังมีเทคนิคการศัลยกรรมเสริมหน้าอกที่หลากหลาย และการเลือกใช้วัสดุที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล เพื่อให้รูปทรงหน้าอกออกมาแลดูสวยเข้ากับกับรูปร่าง ผลลัพธ์แลดูเป็นธรรมชาติ รวมทั้งมีการดูแลให้ปลอดภัยอย่างใกล้ชิด เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียงอีกด้วย

เปลี่ยนลุค เสริมความมั่นใจ ด้วยหน้าอกที่ใช่

อย่างไรก็ตาม ก่อนการศัลยกรรมเสริมหน้าอกควรศึกษาข้อมูลให้รอบด้าน เลือกทำกับแพทย์เฉพาะทาง และสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน เพราะสุดท้ายแล้วจุดประสงค์ของการทำศัลยกรรมเสริมหน้าอกไม่ใช่แค่เพื่อให้คนอื่นมองว่าสวยขึ้น แต่เพื่อให้เรามั่นใจและรู้สึกดีกับตัวเองมากขึ้นนั่นเอง สำหรับท่านใดที่สนใจหรือมีข้อสงสัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับการศัลยกรรมเสริมหน้าอก หรือการยกกระชับหน้าอก สามารถเข้ามาปรึกษาที่ The Art เราพร้อมดูแลลูกค้าทุกท่าน 

FAQ

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการศัลยกรรมเสริมหน้าอก

ซิลิโคนสำหรับศัลยกรรมเสริมหน้าอกในปัจจุบันได้มีการพัฒนาให้มีความทนทานสูง สามารถอยู่ในร่างกายได้หลายสิบปีโดยไม่ต้องเปลี่ยนใหม่ และไม่จำเป็นต้องถอดออกหรือแก้ไข หากไม่พบปัญหาใด ๆ แต่แนะนำให้ตรวจหน้าอกกับแพทย์เป็นประจำ หรืออย่างน้อยปีละครั้ง

การผ่าตัดแก้ไขหน้าอกมักเกิดจากปัญหา เช่น ซิลิโคนเคลื่อนที่ รูปทรงหน้าอกผิดปกติ ซิลิโคนรั่วซึม หรือซิลิโคนแตก มีการอักเสบ ติดเชื้อ มีภาวะพังผืดหดรัด หรือผู้รับบริการต้องการปรับเปลี่ยนขนาดและทรงให้เหมาะกับรูปร่างมากขึ้น

โดยทั่วไปหลังทำศัลยกรรมเสริมหน้าอกสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ใน 3-7 วันหลังผ่าตัด ขึ้นอยู่กับเทคนิคและร่างกายแต่บุคคล โดยในช่วงแรกจะมีความเจ็บระบมช้ำมากกว่าปกติ แล้วหน้าอกจะเริ่มเข้าที่มากขึ้นในช่วง 1-3 เดือน และเห็นผลชัดเจนมากขึ้นหลัง 6 เดือน ทั้งนี้ การดูแลตัวเองตามคำแนะนำของแพทย์จะช่วยให้ฟื้นตัวได้ดียิ่งขึ้น

หลังศัลยกรรมเสริมหน้าอก สามารถให้นมบุตรได้ตามปกติ เนื่องจากไม่ได้มีการตัดท่อน้ำนมออก แต่เป็นการเปิดแผลผ่าตัดใต้รักแร้หรือใต้ราวนม เพื่อใส่ถุงซิลิโคนเข้าไปใต้หรือเหนือกล้ามเนื้อเต้านม ทั้งนี้ หากวางแผนมีบุตรในอนาคต แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ก่อนทำ เพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสม

การศัลยกรรมเสริมหน้าอก สามารถเลือกขนาดที่ใหญ่ได้ แต่ควรพิจารณาร่วมกับสรีระของร่างกาย เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่แลดูเป็นธรรมชาติ และไม่เสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อน เช่น รู้สึกแน่น หายใจไม่ออก ปวดหลัง หรือเกิดปัญหาหัวนมชาและเสี่ยงเกิดพังผืดรัดตัว

แชร์บทความนี้
Facebook
Threads
X
อ้างอิง
สอบถามเพิ่มเติม
The Art เราพร้อมดูแลลูกค้าทุกท่าน

News & Events

ข่าวสารล่าสุดจากดิอาท

Imperial Room
6th Floor|

Premier Room
6th Floor|

Deluxe Room
5th Floor|

Essential Room
3rd Floor|

Recovery Room
3rd Floor|

เว็บไซต์รวมบริการจากทั้ง โรงพยาบาลและคลินิก

เว็บไซต์รวมภาพรีวิวจาก ผู้ใช้บริการจริงที่ดิอาท