จากคลิปอุทาหรณ์ “หน้าพังเพราะหมอกระเป๋า” ของ คุณนัท นิสามณี หรือที่หลายคนรู้จักในชื่อ “นัทสะบัดแปรง” ถือว่าเป็นอีกหนึ่งกรณีศึกษาที่ควรระวัง และทำให้หลายคนหันกลับมาให้ความสนใจเรื่องการฉีดสารเหลวอีกครั้ง ว่าจริง ๆ แล้วมันอันตรายขนาดไหน และหากเผลอไปฉีดมาแล้วจะแก้ไขอย่างไรได้บ้าง
บทเรียนจากเคสจริง “นัท นิสามณี เคยฉีดสารเหลวเมื่อสิบปีก่อน”
โดยคุณนัทออกมาโพสต์คลิปโชว์หน้าบวม พร้อมเล่าประสบการณ์ตรงที่หลายคนคาดไม่ถึงว่า เมื่อกว่าสิบปีก่อน เธอเคยฉีดสารเหลวบริเวณใบหน้ากับหมอกระเป๋า (ผู้ที่แอบอ้างว่าเป็นหมอ) ซึ่งเป็นการทำหัตถการที่ผิดกฎหมาย และเป็นเหตุให้ติดเชื้ออย่างรุนแรงจนเกิดอาการผิดปกติบนใบหน้า


ตอนนั้นคุณนัทเองก็อาจจะคิดเหมือนกับหลาย ๆ คนที่อยากสวยและต้องการปรับรูปหน้าให้ได้ผลลัพธ์เร็วในราคาที่ถูก ซึ่งเมื่อผ่านไปหลายปีทุกอย่างดูเหมือนจะไม่มีปัญหา แต่แท้จริงแล้วสิ่งที่ถูกฉีดเข้าไปได้กลายเป็น “ระเบิดเวลา” ที่ซ่อนอยู่ในร่างกาย
จนเมื่อไม่นานมานี้ คุณนัทมีอาการบวมและเจ็บที่หน้า ในตอนแรกคุณนัทคิดว่าเป็นอาการเล็กน้อย กินยาแก้ปวดก็คงหาย แต่รอบนี้มีความผิดปกติ โดยมีลักษณะเหมือนสิวที่มีขนาดใหญ่ และมีหัวขาว ๆ จึงกลัวว่าสิวจะขึ้นบริเวณที่เจ็บหน้าอยู่ เลยเข้ามาพบแพทย์เพื่อรักษาให้ตุ่มยุบ แต่เมื่อตรวจสอบอย่างละเอียด กลับพบว่าไม่ใช่สิว แต่คือหนองที่เกิดจากการติดเชื้อรุนแรง สาเหตุมาจากสารเหลวที่ฉีดไว้เมื่อสิบปีก่อน
แพทย์ที่โรงพยาบาลศัลยกรรมดิอาทจึงตัดสินใจทำการผ่าตัดด่วน เพื่อนำสารเหลวและเนื้อเยื่อที่อักเสบออก ซึ่งหากช้าไปกว่านี้อาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อรุนแรงหรือเกิดภาวะแทรกซ้อนที่อันตรายมากขึ้นได้


หลังการผ่าตัด คุณนัทต้องใช้เวลาพักฟื้นอย่างต่อเนื่อง ต้องให้ยาฆ่าเชื้อวันละ 3 เวลา และดูแลอย่างใกล้ชิดจากทีมแพทย์ดิอาท โดยคุณนัทยอมรับว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมารู้สึกเหมือนมีระเบิดเวลาอยู่ในหน้า และสุดท้ายก็เกิดขึ้นจริง ทั้งนี้ แม้จะได้รับการรักษาแล้ว แต่ยังคงต้องระวังการติดเชื้อต่อไป
กรณีนี้ถือเป็นอุทาหรณ์สำคัญว่า การฉีดสารเหลวอาจทำให้หน้าพังในระยะยาว แม้ในช่วงแรก ๆ อาจจะดูเหมือนไม่มีปัญหาอะไรเกิดขึ้นก็ตาม…
ทั้งนี้ การฉีดสารเหลวที่ถูกพูดถึงจริง ๆ แล้วคืออะไร ทำไมถึงเคยได้รับความนิยมในอดีต และเป็นอันตรายอย่างไรได้บ้าง รวมถึงหากเผลอไปฉีดมาแล้วจะมีทางแก้ไขอย่างไร? ในบทความนี้ เราจะพาไปทำความรู้จักสารเหลวให้มากขึ้น
สารเหลวคืออะไร อันตรายไหม?
สารเหลว หรือที่หลายคนรู้จักในชื่อ “ซิลิโคนเหลว” คือ สารเติมเต็มที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือสารแปลกปลอมที่ไม่ได้รับรองจากทางการแพทย์ มักถูกนำมาใช้แทนโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ เนื่องจากราคาถูกกว่าและสามารถเติมเต็มใบหน้าและรูปร่างให้ได้สัดส่วนสวยงามในทันที รวมทั้งอยู่ได้นานกว่า เพราะไม่สามารถสลายไปเองตามธรรมชาติ ทำให้อยู่ในร่างกายตลอดไปและอาจก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงได้แม้ฉีดไปแล้วนานหลายปี อีกทั้งยังแก้ไขยาก หรือต้องอาศัยการผ่าตัดที่ซับซ้อนหรือขูดออก
ฉีดสารเหลว เสี่ยงหน้าพังจริงหรือไม่ ?
การฉีดสารเหลวอาจไม่ได้ทำให้หน้าพังทันทีหลังฉีด โดยหลาย ๆ เคสในช่วงแรกหลังฉีดจะดูสวยเป็นปกติ แต่ปัญหาของการฉีดสารเหลวคือมันไม่สลายเอง เมื่ออยู่ในร่างกายนาน ๆ ก็อาจจะเกิดการเปลี่ยนแปลงและภาวะแทรกซ้อนได้ เช่น
- สารเหลวไหลหรือเคลื่อนตัวไปยังตำแหน่งอื่นของใบหน้า
- มีลักษณะแข็งเป็นก้อนผิดรูป
- อาจก่อให้เกิดอาการอักเสบ บวมแดง และเจ็บปวด
- ในบางรายอาจเกิดการติดเชื้อรุนแรง และต้องผ่าตัดด่วน
ดังนั้น การฉีดสารเหลวจึงเสี่ยงหน้าพังได้จริง เพียงแต่อาจไม่ได้แสดงผลเสียในทันที แต่อาจเกิดขึ้นหลังจากฉีดไปแล้ว 5-10 ปี หรือมากกว่านั้นได้
ทำไม ? ถึงนิยมฉีดสารเหลวในอดีต
หากย้อนกลับไปเมื่อราว 10-20 ปีก่อน การฉีดสารเหลวหรือซิลิโคนเหลวกับหมอกระเป๋าถือว่าเป็นที่นิยมมาก โดยจะใช้เพื่อฉีดปรับรูปหน้า เติมเต็มร่องแก้ม เติมเต็มคาง หรือบริเวณจมูก ซึ่งปัจจัยที่ทำให้คนจำนวนมากหลงเชื่อและเลือกใช้สารเหลว ได้แก่
- ราคาถูกกว่าการทำโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ และเห็นผลสวยงามทันที การฉีดสารเหลวจึงถูกมองว่าเป็นทางเลือกที่คุ้มค่า
- ผลลัพธ์ดูถาวร เนื่องจากสารเหลวไม่สามารถสลายไปได้เอง ทำให้ถูกโฆษณาว่า “อยู่ได้ตลอดชีวิต” ซึ่งดึงดูดคนที่ไม่อยากเสียเงินฉีดซ้ำบ่อย ๆ
- ขาดความรู้และข้อมูลทางการแพทย์ เนื่องจากข้อมูลเรื่องความเสี่ยงของสารเหลวยังไม่แพร่หลาย ทำให้หลายคนไม่รู้ว่าคือสารแปลกปลอมที่อันตรายในระยะยาว
- ทำโดยผู้ให้บริการที่ไม่ได้มาตรฐาน อาจทำโดยคลินิกเถื่อนที่ไม่ได้ผ่านการรับรอง หรือผู้รับจ้างฉีดตามบ้าน หรือที่เรียกว่า “หมอกระเป๋า” ซึ่งมักเสนอราคาถูกและโฆษณาเกินจริง ทำให้ผู้บริโภคหลงเชื่อได้ง่าย

อันตรายจากการฉีดสารเหลว มีอะไรบ้าง?
แม้ในอดีตการฉีดสารเหลวจะเคยถูกมองว่าเป็นวิธีเสริมความงามที่ง่ายและราคาถูก แต่ความจริงแล้วกลับเป็นสารแปลกปลอมที่ร่างกายไม่สามารถย่อยสลายได้ จึงทำให้เกิดความเสี่ยงในระยะยาวตามมาได้ เช่น
1. ไม่สลายเองตามธรรมชาติ
ต่างจากสารเติมเต็มไฮยาลูโรนิกแอซิด (Hyaluronic Acid) ของโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ที่สามารถสลายได้เองใน 1-2 ปี ดังนั้น สารเหลวจึงอยู่ในร่างกายไปตลอดชีวิต และเมื่อเวลาผ่านไปก็อาจเปลี่ยนสภาพได้
2. ไหลหรือเคลื่อนตัวผิดตำแหน่ง
เมื่อฉีดสารเหลวไปแล้ว อาจทำให้ไหลลงต่ำหรือกระจายไปยังส่วนอื่น ๆ ของใบหน้า จึงอาจส่งผลให้รูปหน้าผิดรูป
3. แข็งเป็นก้อน แลดูไม่เป็นธรรมชาติ
เมื่อเวลาผ่านไป สารเหลวที่เคยฉีดมาอาจแข็งตัวเป็นก้อนใต้ผิวหนัง และร่างกายจะสร้างพังผืดล้อมรอบทำให้ผิวหนังแลดูไม่เรียบเนียน
4. อักเสบหรือติดเชื้อเรื้อรัง
เนื่องจากร่างกายมองว่าเป็นสิ่งแปลกปลอมที่เข้ามา จึงทำให้อาจเกิดการอักเสบ หรือมีอาการปวดเป็นระยะ ๆ และบางรายอาจติดเชื้อรุนแรงจนต้องผ่าตัดเอาออก
5. เสี่ยงกดทับเส้นเลือดและเส้นประสาท
ในบางเคสสารเหลวอาจกดทับเส้นเลือด ทำให้เลือดไหลเวียนผิดปกติ หรือกดทับเส้นประสาทจนเกิดอาการชา เจ็บ หรือสูญเสียความรู้สึกบางส่วนของใบหน้าได้
6. การแก้ไขยากและอาจมีความเสี่ยงสูง
การแก้ไขหรือนำสารเหลวออกต้องใช้การผ่าตัดหรือหัตถการที่ซับซ้อน เนื่องจากไม่สามารถฉีดสลายได้เหมือนโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ จึงอาจทำให้มีแผลเป็นตามมาได้
วิธีแก้ไขหากเคยฉีดสารเหลว
การแก้ไขหลังฉีดสารเหลวหรือซิลิโคนเหลวมาแล้วเกิดปัญหา แพทย์จะเป็นผู้ประเมินการรักษาตามความรุนแรงและความเหมาะสมของแต่ละบุคคล โดยอาจเลือกใช้วิธีเหล่านี้
1. ประเมินโดยแพทย์
ก่อนอื่นแพทย์จะทำการตรวจร่างกาย โดยอาจใช้เครื่องมืออย่างอัลตราซาวด์หรือ MRI เพื่อตรวจหาตำแหน่งและปริมาณสารเหลวที่กระจายอยู่ในใบหน้า
2. การใช้ยาลดอักเสบ
แพทย์อาจใช้ยาลดอักเสบ หรือยาปฏิชีวนะ เพื่อประคองอาการไม่ให้รุนแรงไปมากกว่านี้ เหมาะสำหรับเคสที่สารเหลวยังไม่ไหลไปจุดอื่น และเป็นเพียงการบรรเทาชั่วคราว ไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ
3. การดูดหรือขูดออก
หากสารเหลวยังอยู่ในสภาพเหลวหรือนิ่มอยู่อาจดูดออก หรือขูดออกบางส่วน
4. การผ่าตัดนำสารเหลวออก
โดยแพทย์จะเปิดผิวหนังเพื่อนำเอาสารเหลวออก และอาจทำร่วมกับการส่องกล้อง ซึ่งวิธีนี้อาจมีโอกาสเกิดแผลเป็นได้ แต่ถือว่าเป็นวิธีการแก้ไขที่ตรงจุดที่สุด

การดูแลตนเองหลังผ่าตัดนำสารเหลวออก
ผู้ที่ผ่าตัดเอาสารเหลวออกควรดูแลตัวเองเป็นอย่างดี เพื่อให้แผลหายเร็วและลดการติดเชื้อ โดยมีข้อควรปฏิบัติดังนี้
- พักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อให้ร่างกายพักฟื้นได้อย่างเต็มที่จะช่วยให้แผลสมานเร็วขึ้น
- หลังการผ่าตัดแก้ไขการฉีดซิลิโคนเหลว อาจมีอาการบวมนานกว่ากรณีที่เสริมใหม่ สามารถประคบเย็นเพื่อช่วยลดอาการบวม ในช่วง 48 ชั่วโมงแรกหลังผ่าตัด หลังจากนั้นอาจเปลี่ยนเป็นประคบอุ่นเพื่อกระตุ้นการไหลเวียนเลือด
- ทานยาตามที่แพทย์สั่ง เช่น ยาปฏิชีวนะ ยาลดบวม หรือยาแก้ปวด และควรรับประทานให้ครบ
- ดูแลแผลให้สะอาด เช็ดทำความสะอาดด้วยน้ำเกลือหรือยาฆ่าเชื้อตามที่แพทย์แนะนำ
- หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก ยกของหนัก หรือก้มศีรษะนาน ๆ ในช่วง 2–3 สัปดาห์แรก
- หลีกเลี่ยงอาหารที่กระตุ้นการอักเสบ เช่น ของหมักดอง ของเผ็ดจัด และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
- งดการสูบบุหรี่ เพราะอาจทำให้แผลหายช้า
- มาพบแพทย์ตามนัด เพื่อติดตามอาการ
โปรแกรมฟิลเลอร์กับซิลิโคนเหลว แตกต่างกันอย่างไร?
โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ เป็นสารเติมเต็มที่ผลิตจากกรดไฮยาลูโรนิก (Hyaluronic Acid) ซึ่งเป็นสารที่มีอยู่แล้วตามธรรมชาติในร่างกาย และสามารถสลายได้เองภายในระยะเวลา 6-18 เดือน ขึ้นอยู่กับชนิดและตำแหน่งที่ฉีด รวมทั้งสามารถฉีดสลายได้
ในส่วนของสารเหลว เป็นสารสังเคราะห์ที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือไม่ได้รับการรับรองให้นำมาใช้ เมื่อฉีดเข้าสู่ร่างกายแล้ว สารนี้จะไม่สามารถสลายได้เอง อาจก่อให้เกิดปัญหาในระยะยาว และต้องผ่าตัดออกเท่านั้น
แก้ไขสารเหลวต้องผ่าตัดเท่านั้นหรือไม่?
ส่วนใหญ่การนำสารเหลวออก อาจใช้วิธีการผ่าตัดโดยตรง เพราะสารเหลวไม่สามารถสลายได้เองเหมือนโปรแกรมฟิลเลอร์ แต่บางกรณีอาจใช้วิธีขูดหรือดูดออก หากอยู่ตื้นและยังไม่กระจายกว้าง

ฉีดสารเหลวแล้วกี่ปีถึงจะเกิดปัญหา?
กรณีของคุณนัท นิสามณี อาจทำให้หลายคนมีคำถามว่า “ฉีดสารเหลวแล้วกี่ปีถึงจะเกิดปัญหา?” ซึ่งการฉีดสารเหลวอาจไม่แสดงอาการทันที แต่จะสะสมและเกิดปัญหาตามมาในระยะยาว โดยบางรายอาจเกิดอาการผิดปกติ เช่น ก้อนแข็ง การเคลื่อนตัวของสาร อักเสบเรื้อรัง หรือผิวหนังผิดรูปใน 3-5 ปี และบางรายอาจใช้เวลานานถึง 10-20 ปี กว่าปัญหาจะปรากฏชัดเจน แต่สุดท้ายแล้วแทบทุกคนที่เคยฉีดสารเหลวมาแล้วจะพบผลข้างเคียงไม่ช้าก็เร็ว
ใช้เวลาฟื้นตัวนานแค่ไหนหลังแก้สารเหลว?
การฟื้นตัวหลังแก้สารเหลวขึ้นอยู่กับวิธีการรักษาและความรุนแรงของเคสที่ทำการผ่าตัด โดยในช่วงแรกหลังผ่าตัดอาจมีอาการบวม ช้ำ และตึงใบหน้า ซึ่งจะค่อย ๆ ดีขึ้นภายใน 7-14 วัน แต่การที่เนื้อเยื่อจะเข้าที่และหายสนิท อาจต้องใช้เวลา 4-6 สัปดาห์ หรืออาจนานกว่านั้นถ้ามีการติดเชื้อหรือแผลกว้าง
การฉีดสารเหลวอาจไม่แสดงผลเสียทันที แต่เมื่อเกิดปัญหาอาจรุนแรงกว่าที่คิด
จากกรณีของ “คุณนัท นิสามณี” กลายเป็นอุทาหรณ์สำคัญที่บอกเราว่า การฉีดสารเหลวแม้ผลลัพธ์ในช่วงแรกจะดูสวย แต่มีความเสี่ยงในระยะยาว และเมื่อเกิดปัญหาขึ้นอาจรุนแรงจนถึงขั้นต้องผ่าตัดเร่งด่วนและอาจใช้เวลาพักฟื้นนาน ดังนั้น ก่อนตัดสินใจฉีดสารเติมเต็ม ควรเลือกทำกับแพทย์และสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน เพื่อป้องกันปัญหาและความเสี่ยงต่อใบหน้า ไม่ควรเลือกความถูกจนต้องแลกกับความเสี่ยงในระยะยาว
ฟังหมอเล่าจากเคสจริง “นัท นิสามณี” ผ่าตัดด่วน! ติดเชื้อสารเหลวโดยหมอกระเป๋า l Podcast ฟังหมอ EP.3
อ้างอิง
Narins, R. S., & Beer, K. (2006). Liquid injectable silicone: a review of its history, immunology, technical considerations, complications, and potential. Plastic and reconstructive surgery, 118(3 Suppl), 77S–84S. https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/16936547/Milojevic B. (1982). Complications after silicone injection therapy in aesthetic plastic surgery. Aesthetic plastic surgery, 6(4), 203–206. https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/6763468/



